“ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ขยับขึ้นมายึดอันดับที่ 3 ของตาราง ลา ลีกา เรียบร้อย หลังเปิดบ้านถล่มเฉือนเอาชนะ “เรือดำน้ำสีเหลือง” สโมสรฟุตบอลกาดิซ อย่างหวุดหวิด 2-1 ในศึกลา ลีกา สเปน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ศึกลา ลีกา สเปน 2021-2022 ประจำโปรแกรมสัปดาห์ที่ 28 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 เป็นการดวลกันระหว่าง “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด แชมป์เก่า เปิดรังเหย้า ที่ ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน ต้อนรับการมาเยือนของ “เรือดำน้ำสีเหลือง” สโมสรฟุตบอลกาดิซ เก็บ 3 คะแนนเต็มเข้าถ้ำได้สำเร็จ
ดีเอโก้ ซิเมโอเน กุนซือของทีมเจ้าบ้าน “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด เลือกจัดทีมมาในแบบระบบ 3-5-2 ด้วยการใช้คู่กองหน้าเป็น อองตวน กรีซมันน์ ประสานงานร่วมกับ เชา เฟลิกซ์
ส่วนทางด้านทีมผู้มาเยือน “เรือดำน้ำสีเหลือง” สโมสรฟุตบอลกาดิซ ภายใต้การคุมทีมโดย เซร์คิโอ กอนซาเลซ โซเรียโน วางแผนมาในแบบระบบ 4-4-2 ใช้คู่กองหน้าเป็น แอนโธนี โลซาโน ประสานงานร่วมกับ อัลบาโร่ เนเกรโด้
“ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ที่ต้องการรักษาท็อปโฟร์เอาไว้ให้ได้ เลยส่งตัว เชา เฟลิกซ์ เล่นหน้าคู่กับ อองตวน กรีซมันน์ ส่วนทีมมาเยือน “เรือดำน้ำสีเหลือง” นำทีมมาโดย อัลบาโร่ เนเกรโด้ หัวหอกจอมเก๋า
เปิดฉากการแข่งขัน ที่ ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน ในช่วงครึ่งแรก ออกสตาร์ทเริ่มเกมมาได้มาได้เพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น เป็นฝั่ง “ตราหมี” ได้ประตูออกตัวขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ผิดพลาดของ เฮเรเมียส เลเดสม่า ผู้รักษาประตู “เรือดำน้ำสีเหลือง” เปิดบอลส่งพลาดเข้าหน้าปากประตูไม่ดีกลายเป็น เชา เฟลิกซ์ คว้าบอลได้ก่อนล่อเป้ามุมแคบ ซัดด้วยซ้ายระยะเผาขน เข้าประตูไปไม่เหลือซาก ส่งผลให้ “ตราหมี” ขึ้นนำ 1-0
ต่อมาในนาทีที่ 26 “ตราหมี” มีโอกาสลุ้นทำประตูอีกครั้ง โดย โรดรีโก้ เด ปอล ส่งบอลให้ ยานนิค การ์ราสโก้ ซัดด้วยขวาหน้าเขตโทษ แต่บอลดันโด่งสูงเกินไปข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
ผ่านมาในช่วงท้ายเกมครึ่งแรก นาทีที่ 41 “ตราหมี” ทีมเจ้าบ้านเกือบต้องเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อผู้ตัดสินให้ใบแดงแก่ เรนิลโด้ มานดาวา ในจังหวะที่พุ่งเสียบเปิดปุ่มสองเท้ายันใส่ รูเบน อัลการาซ แต่ทว่าเมื่อผู้ตัดสินเช็ค VAR ก็กลับมาให้เพียงแค่ใบเหลืองเท่านั้น
ต่อมาจนถึงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ในนาทีที่ 45 “เรือดำน้ำสีเหลือง” ได้ทำประตูตีไข่แตก ตามตีเสมอได้ 1-1 ในจังหวะที่ อัลฟอนโซ่ เอสปิโน่ เปิดบอลมาทางซ้ายเข้ามาในเขตโทษให้กับ อัลบาโร่ เนเกรโด้ สอดมาโหม่งอย่างเด็ดขาด ลอดผ่านมือ ยาน โอบลัค เข้าประตูไปอย่างสวยงาม ทำให้จบเกม 45 นาทีแรกเสมอกันไป 1-1 ด้วยสกอร์นี้
กลับมาลุ้นกันต่อในช่วงครึ่งหลังของเกม ผ่านมาได้เพียง 7 นาที ในนาทีที่ 52 “ตราหมี” มีเจ้าถิ่นมีโอกาสลุ้นในจังหวะที่ โรดรีโก้ เด ปอล ส่งบอลให้ เอคตอร์ เอร์เรร่า เตะไกลด้วยขวา บอลเข้ากรอบไปแต่ยังแรงไม่ดีพอที่จะผ่านมือ เฮเรเมียส เลเดสม่า ไปได้ พลาดประตู อย่างน่าเสียดาย
ถัดมาในนาทีที่ 68 “ตราหมี” ทำประตูขึ้นนำอีกรอบจนได้ จังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ลงสำรองแทน กรีซมันน์ ได้ 6 นาที เตะบอลย้อนหลังให้ อังเคล กอเรอา ยิงด้วยขวาจังหวะแรกติดเซฟ เฮเรมิอาส เลเดสมา ผู้รักษาประตู “เรือดำน้ำสีเหลือง” โรดรีโก้ เด ปอล วิ่งมาซ้ำระยะ 14 หลาส่งบอลเข้าประตูไป ช่วยให้ทีมเจ้าบ้านนำอีกครั้งเป็น 2-1
“เรือดำน้ำสีเหลือง” เกือบตามตีเสมอสุดๆ ในนาทีที่ 74 จังหวะ ยาน โอบลัค ปัดบอลไม่ดีเข้าทาง หลุยส์ เอร์นานเดซ คว้าได้ พลิกยิงในเขตโทษ แต่ทว่า โฮเซ่ มาเรีย คีเมเนซ ยืนคุมเส้นตัวสุดท้ายจึงโหม่งทิ้งได้แบบหวุดหวิด
“เรือดำน้ำสีเหลือง” ทีมผู้มาเยือนไม่ท้อถอยถอดใจ ฮึดสู้ลุยขึ้นมาอีกในนาทีที่ 82 และจบลงด้วยการยิงไกลหน้าเขตโทษของ เนเกรโด้ แต่ทว่าบอลเฉียดคานไปแบบลุ้นสุดๆ
ในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 88 “ตราหมี” ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ ฆาเบียร์ เซร์ราโน่ ตัวสำรองดาวรุ่งพุ่งเข้าเสียบบอลแรงเกินไป โดน อเล็กซ์ เฟร์นานเดซ จนทำให้ถูกใบแดงโดนไล่ออกจากสนามไป จากนั้นจบเกม “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด เปิดถ้ำเชือดชนะ “เรือดำน้ำสีเหลือง” สโมสรฟุตบอลกาดิซ 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 51 คะแนน แซง บาร์เซโลน่า ขึ้นไปอยู่เป็นอันดับที่ 3 ชั่วคราว
จากชัยชนะในนัดนี้ทำให้ “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ที่คว้าชัยในลีก 3 นัดรวด มี 51 คะแนน จาก 28 นัด ส่วน “เรือดำน้ำสีเหลือง” สโมสรฟุตบอลกาดิซ มี 24 คะแนนเท่าเดิม รั้งอันดับ 18
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
“ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด (3-5-2) : ยาน โอบลัค; สเตฟาน ซาวิช, โฮเซ คิเมเนซ , เรนิลโด้ มานดาวา , มาร์กอส ยอเรนเต้, โกเก้ , เอคตอร์ เอร์เรรา, โรดริโก้ เด ปอล, ยานนิค การ์ราสโก้ , อองตวน กรีซมันน์ , เชา เฟลิกซ์
สำรองไม่ได้ใช้ : แบ็งฌาแม็ง เลอกงต์, จูเลียโน ซิเมโอเน, ปาโบล บาร์ริออส, เซร์คิโอ ดิเอซ
“เรือดำน้ำสีเหลือง” สโมสรฟุตบอลกาดิซ (4-4-2) : เฮเรมิอาส เลเดสมา, การ์ลอส อกาโป , หลุยส์ เอร์นานเดซ, บิคตอร์ ชุสต์, อัลฟองโซ เอสปิโน , รูเบน โซบริโน , เฟเด ซาน เอเมเตริโอ , รูเบน อัลการาซ, อุสซามา โอดริสซี , แอนโธนี โลซาโน, อัลบาโร เนเกรโด้