“เหงียน กวง ไฮ” ( Nguyễn Quang Hải )
ใน ประเทศเวียดนาม มีหนึ่งสตาร์ตัวเด่นที่สุดคงเป็นใครไม่ได้ นอกจาก “เหงียน กวง ไฮ” นักเตะวัย 25 ปี ที่มีพัฒนาการสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักได้สำเร็จ
“เหงียน กวง ไฮ” ชื่อเวียดนาม: Nguyễn Quang Hải
เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2540 (อายุ 25 ปี)
สถานที่เกิด Đông Anh, ฮานอย ประเทศเวียดนาม
“เหงียน กวง ไฮ” เป็นนักเตะฟุตบอลชาวเวียดนาม ปัจจุบันลงเล่นในตำแหน่งกองกลางหรือกองหน้าให้กับ สโมสรฟุตบอลฮานอยในวี.ลีก ดิวิชัน 1
แฟนบอลเอเชียและฟุตบอลทีมชาติในอาเซียน เริ่มรู้จักและได้ยินชื่อของ “เหงียน กวง ไฮ” กันมากขึ้น จากการที่เขาพาฟุตบอลทีมชาติเวียดนาม ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ถึงแม้ว่าจะจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ แต่ชื่อเสียงของเวียดนามและชื่อเสียงส่วนตัวของ “เหงียน กวง ไฮ” ดังก้องไปทั่วทั้งเอเชีย การแข่งขันครั้งนั้น “เหงียน กวง ไฮ” ซัดประตูไปถึง 5 ประตู โดยเป็นรองจาก “อัลโมซ อาลี” นักเตะฟุตบอลของกาตาร์เท่านั้น ที่เขาซัดประตูไปได้ถึง 6 ประตู
ความก้าวหน้าของฟุตบอลทีมชาติเวียดนามกับ “เหงียน กวง ไฮ” ไม่หยุดแค่นั้น เมื่อช่วงท้ายปี 2018 “ทัพดาวทอง” คว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ไปครอง และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามิดฟิลด์จากฮานอยคือสตาร์เด่นประจำรายการนี้ จนคว้ารางวัลผู้เล่นอันทรงคุณค่า หรือ MVP ประจำทัวร์นาเมนต์ไปได้สำเร็จ พอเปลี่ยนปฏิทินเป็นปี 2019 “เหงียน กวง ไฮ” และผองเพื่อน “ทัพมังกรทอง” เดินทางสู่ประเทศสหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ เพื่อทำศึกเอเอฟซี เอเชี่ยน คัพ แต่สองเกมแรกที่แผ่นดินยูเออี เวียดนามกลับได้คว้าชัยไปทั้ง 2 เกม ต่ออิรักและอิหร่าน พร้อมกับความหวังที่จะเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ หนทางเดียวที่พวกเขาจะต้องทำคือจำเป็นต้องเอาชนะเยเมน ให้ได้ในเกมสุดท้ายเพื่อติดเป็นหนึ่งในอันดับที่ 3 ที่ดีที่สุด
แต่สถานการณ์มักจะสร้างวีรบุรุษ วินาทีที่ “เหงียน กวง ไฮ” ปั่นฟรีคิกด้วยซ้ายส่งลูกบอลเข้าประตูได้อย่างสุดสวยราวกับเป็น “ลิโอเนล เมสซี่” นับเป็นการปลดล็อกให้เวียดนามคว้าประตูรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนที่คิว ง็อก ไฮ มาซัดจุดโทษปิดกล่องให้ เวียดนามเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 พร้อมกับส่งให้พวกเขาติดเป็น 1 ใน 4 ของทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด โดยมีคะแนนและผลต่างประตูได้เสียเท่ากับเลบานอน แต่ทว่า เวียดนามมีใบเหลืองเพียง 5 ใบ ส่วน เลบานอน มีถึง 7 ใบด้วยกัน นั่นทำให้เวียดนาม ผ่านเข้ารอบอย่างหวุดหวิด
ไม่เพียงแค่นั้น สำหรับเทคนิคการเล่นเซตพีซ ที่คล้ายกันแล้ว หากนำเขาไปเปรียบเทียบกับ “ลิโอเนล เมสซี่” ต้องบอกว่าทั้งสองคนนี้มีอิทธิพลต่อทีมมากเลยทีเดียว และสามารถสร้างจุดเปลี่ยนให้กับทีมได้ มากไปกว่านั้น สไตล์การเล่นและทักษะในการเล่นเกมแนวรุก ทั้งการเลี้ยงบอล การสร้างสรรค์โอกาส เป็นสิ่งที่เห็นได้จากตัวเขาในเกมกับจอร์แดน ในรอบ 16 ทีม
และจนถึงตอนนี้ ฟุตบอลทีมชาติเวียดนาม ก็ยังคงต้องการตัวเขา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า “เหงียน กวง ไฮ” จะพาบ้านเกิดสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับตัวเองได้ และถึงทุกวันนี้ เราคงได้เรียกเขาอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “เมสซี่แห่งเวียดนาม” จริงๆ